โครงร่างงานวิจัย
“การนิเทศแบบมีส่วนร่วมในการพัฒนาการทำวิจัยในชั้นเรียนของครูเครือข่ายการนิเทศของนายชลอ เอี่ยมสอาด”
2. ประวัติผู้จัดทำ
ชื่อผู้วิจัย นายชลอ เอี่ยมสอาด
ศึกษานิเทศก์สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษานครปฐมเขต 2
ประสบการณ์การทำงาน นิเทศการศึกษาจำนวน 20 ปี
3. ที่ปรึกษา นายธีระพงษ์ ศรีโพธิ์ หัวหน้ากลุ่มนิเทศติดตามและประเมินผลการจัดการศึกษาสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษานครปฐม เขต 2
4. ความเป็นมาและความสำคัญของปัญหา
จากการนิเทศการศึกษาและผลของการประเมินมาตรฐานสถานศึกษาพบว่า ครูส่วนใหญ่ยังไม่มีการทำวิจัยในชั้นเรียนส่งผลให้การเรียนรู้ของนักเรียนไม่เป็นไปตามความคาดหวังของหลักสูตร อันเนื่องมาจากการที่ครูขาดความรู้ความเข้าใจในการจัดทำวิจัยในชั้นเรียนที่เหมาะกับสภาพการจัดการเรียนรู้ของตนเอง
จากปัญหาดังกล่าวผู้วิจัยในฐานะศึกษานิเทศก์ประจำเครือข่ายการนิเทศ จึงสนใจที่จะทำวิจัยเรื่องนี้ โดยผลการวิจัยที่ได้จะเป็นประโยชน์ต่อการเรียนรู้ของนักเรียนและเป็นข้อมูลในการวางแผนพัฒนาครูในเครือข่ายการนิเทศให้มีความรู้ความสามารถในการทำวิจัยในชั้นเรียนต่อไป
5.วัตถุประสงค์ของการวิจัย
-เพื่อแสวงหาแนวทางในการนิเทศที่ส่งเสริมให้ครูเครือข่ายการนิเทศทำวิจัยในชั้นเรียนได้
6. ขอบเขตของการศึกษา
การวิจัยในครั้งนี้ กำหนดขอบเขตการวิจัยจากครู จำนวน 10 คน ที่เข้าอบรม
7. วิธีการศึกษา
การวิจัยครั้งนี้เป็นการศึกษาถึงการใช้รูปแบบการนิเทศแบบมีส่วนร่วมในการพัฒนาความสามารถในการทำวิจัยในชั้นเรียนของครู ข้อมูลที่ใช้ในการวิจัยนี้ได้จากแหล่งที่มาคือ
แหล่งข้อมูลทุติยภูมิ : เอกสารที่เกี่ยวข้องที่ผู้วิจัยอื่นที่ได้ศึกษาไว้ รวมทั้งแนวคิดทฤษฎีต่างๆที่เกี่ยวข้อง โดยมุ่งเน้น หลักวิชาการ บทความ เพื่อใช้เป็นข้อมูลประกอบการวิจัย
แหล่งข้อมูลปฐมภูมิ : ใช้การนิเทศเป็นเครื่องมือ โดยให้กลุ่มตัวอย่างตอบด้วยตนเอง
8. ข้อตกลงเบื้องต้น
-ไม่มี
9. นิยามศัพท์
การนิเทศแบบมีส่วนร่วม หมายถึง กระบวนการ แนะนำ ช่วยเหลือ กระตุ้น ยั่วยุ เพื่อให้เกิดกระบวนการทำงานร่วมกันระหว่างผู้นิเทศกับผู้รับการนิเทศเริ่มตั้งแต่การศึกษาข้อมูล สภาพปัจจุบันปัญหา การพิจารณาตัดสินใจ การร่วมปฏิบัติการร่วมรับผิดชอบในเรื่องต่างๆ รวมทั้งการทุ่มเทความพยายามทั้งมวลเพื่อให้งานบรรลุผลสำเร็จตามเป้าหมายที่ทุกคนร่วมกันกำหนดขึ้น
การวิจัยในชั้นเรียน หมายถึง กระบวนการที่จะช่วยให้ครูผู้สอนสามารถพัฒนาระบบการจัดการเรียนรู้ของตนให้มีประสิทธิภาพและเกิดประโยชน์สูงสุดแก่ผู้เรียน ทำให้กระบวนการจัดการเรียนรู้ของครู มีความเป็นวิชาชีพและมีความเป็นศาสตร์ในวิธีวิทยาของการจัดการเรียนรู้
10. สมมติฐาน
- การนิเทศแบบมีส่วนร่วมมีอิทธิพลต่อการเรียนรู้ด้วยตนเองของครู
11. ประโยชน์คาดว่าจะได้รับ
- ทำให้ได้ทราบถึงรูปแบบที่เหมาะสมในการพัฒนาครูให้สามารถทำวิจัยในชั้นเรียนได้
- เพื่อนำผลการศึกษามาเป็นแนวทางในการปรับปรุง และพัฒนา การนิเทศของศึกษานิเทศก์
- เป็นข้อมูลให้ผู้บริหารใช้เป็นประโยชน์ในการวางนโยบาย กำหนดทิศทางการพัฒนาบุคลากรให้ถูกต้องมากขึ้น
12. ระยะเวลา
ระยะเวลาทำการวิจัยตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2553 ถึง 30 กันยายน2553 เวลาทั้งสิ้น 90 วัน
13. แนวคิด ทฤษฏี
แนวคิดทฤษฎีเกี่ยวกับการนิเทศการศึกษา
แนวคิดทฤษฎีเกี่ยวกับการวิจัยในชั้นเรียน
14 ประเภทของการวิจัย
14.1ประเภทของการวิจัย : การวิจัยเชิงปฏิบัติการ
14.2 ประชากร : ศึกษาผู้ที่มาเข้ารับการอบรม
กลุ่มตัวอย่าง : กำหนดขนาดตัวอย่างในการทำวิจัยครั้งนี้10 ชุด โดยใช้วิธีการสุ่มแบบเจาะจง
ขนาดของกลุ่มตัวอย่าง กำหนดไว้ 20 ตัวอย่าง ระดับความเชื่อมั่น 95% ยอมรับความคลาดเคลื่อนในการเลือกตัวอย่าง 0.05
14.3 เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย : แบบสอบถาม เพื่อสะดวกในการตอบและป้องกันความสับสนโดยเน้นคำถามแบบปิด
การกำหนดรูปแบบของคำถาม แบ่งเป็น 3 ส่วน
ส่วนที่ 1 ข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ตอบ ได้แก่ เพศ อายุ สถานภาพ ระดับการศึกษา
ส่วนที่ 2 ข้อมูลเกี่ยวกับความพึงพอใจของผู้เข้าอบรม (มาก/ปานกลาง/น้อย)
ส่วนที่ 3 ข้อเสนอแนะอื่นๆที่ผู้ใช้บริการต้องการ
14.4 วิธีการเก็บรวบรวมข้อมูล : ใช้วิธีนำแบบสอบถามไปให้ผู้ตอบ โดยเข้าอบรมตอบแบบเจาะจงและรอรับกลับคืน
14.5 การวิเคราะห์ข้อมูล : โดยนำแบบสอบถามที่รวบรวมได้มาดำเนินการ ดังนี้
- ตรวจสอบข้อมูล
- ตรวจความสมบูรณ์ของการตอบแบบสอบถาม
- แยกแบบสอบถามที่ไม่สมบูรณ์ออก
- นำแบบสอบถามมาลงรหัส
- นำข้อมูลที่ได้ทั้งหมดทำการบันทึกโดยเครื่องคอมพิวเตอร์
- ประมวลผลด้วยโปรแกรม SPSS
ระยะเวลาในการดำเนินการทำวิจัย วันที่ 1 มกราคม 2553 ถึงวันที่ 30 มีนาคม 2553
งบประมาณในการดำเนินการวิจัย -